ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ขับรถอย่างไรให้ปลอดภัยในช่วงสงกรานต์

วันที่ 13-15 เดือนเมษายนของทุกปีเป็นวันขึ้นปีใหม่ของคนไทย หรือที่ทุกคนรู้จักกันดีว่าคือวันสงกรานต์ ซึ่งทั้งสามวันนี้จะมีการเล่นน้ำคลายร้อนกันอย่างสนุกสนาน ซ้ำยังเป็นรวมตัวของครอบครัว รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต พบปะญาติพี่น้องเพื่อพูดคุย วันสงกรานต์มันควรจะเป็นเทศกาลที่มีความสุขเทศกาลหนึ่งถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุถึงขั้นเสียชีวิตเกิดขึ้น และเหตุผลสำคัญที่ทำให้วันสงกรานต์มีความเศร้าโศกมาแทรกซึมกลายเป็น 7 วันอันตรายก็เพราะว่า “ขับรถเร็ว” และ “เมาแล้วขับ”

ความเสี่ยงที่ควบคุมได้

ขึ้นชื่อว่าเป็นเทศกาลพักผ่อนใจหลายครอบครัวจึงเลือกเดินทางกลับภูมิลำเนาของตัวเอง ซึ่งการเดินทางมีหลายรูปแบบอย่างเครื่องบิน หรือรถประจำทาง แต่บางครอบครัวเลือกขับรถยนต์ส่วนตัวไปเพราะจะได้ขนของฝากได้อย่างถนัดมือ แต่ก็ต้องเสี่ยงกับรถที่ติดในกรุงเทพมหานคร หากเลือกฤกษ์เดินทางผิดเวลา   การขับรถในช่วงเทศกาลสงกรานต์เลยเป็น 7 วันอันตรายที่รัฐบาลหมายตายไว้ว่าให้ยอดอุบัติเหตุลดลงจากปีเดิมๆ ซึ่งความอันตรายบนท้องถนนนั้น แม้เราจะระมัดระวังมากแค่ไหน แต่ถ้ารถคันอื่นๆ ละเลย ก็ไม่มีทางหนีอุบัติเหตุพ้น
และวิธีกระจายความเสี่ยงด้วยการใช้บริการประกันรถยนต์ระยะสั้น หรือถือประกันรถยนต์สักชนิดที่มีให้เลือกใช้จึงเป็นที่นิยมพอสมควร เพราะคุ้มครองทั้งรถยนต์เรา รถของคู่กรณีจากอุบัติเหตุ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประกันแต่ละชนิดที่เลือกใช้) อย่าเข้าใจผิดไปว่าถ้ามีประกันแล้วไม่เกิดอุบัติเหตุ แต่มันมีไว้กระจายความเสี่ยงถ้าอุบัติเหตุเกิดขึ้นต่างหากเล่า

อันตรายจากท้องถนน

ไม่ว่าจะวันเทศกาลขึ้นปีใหม่ ออกพรรษา หรือเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง ล้วนมีผู้ใช้รถใช้ถนนเพื่อเดินทางอย่างมาก ยิ่งถ้าเกิดอุบัติเหตุบนถนนแล้วจะทำให้สภาพการจราจรของถนนเส้นนั้นอัมพาตไปหลายชั่วโมง โดยสาเหตุหลักที่ทำให้มีการเสียชีวิตบนท้องถนนคือ
  • ความผิดพลาดของผู้ใช้รถใช้ถนน
  • ปัญหาพื้นถนน หรือรถ
  • อิทธิฤทธิ์ของธรรมชาติที่ยากเกินควบคุม
สืบเนื่องจากสถิติและข้อมูลช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งรวบรวมโดยศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนน (ศปภ.) ระบุว่า 7 วันอันตรายของสงกรานต์ในปี 2559 มียอดอุบัติเหตุ 3,447 ครั้ง บาดเจ็บ 3,656 ราย และเสียชีวิต 442 ราย และสิ่งที่จะควบคุมได้จาก 3 สาเหตุที่กล่าวมาคือ “ความผิดพลาดของผู้ใช้รถใช้ถนน” ดังนั้น ปีระกา 2560 มาทำให้อุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ลดลงกันเถอะ

ขับรถให้ปลอดภัยกันเถอะ

นอกจากร่องรอยการเจิมของหลวงพ่อชื่อดังที่นิมนต์มาทำพิธีให้ และประกันชนิดต่างๆ ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรจะมองข้ามคือ “ผู้ขับรถ” ที่จะนำพาให้ผู้โดยสารถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ซึ่งพฤติกรรมลดความเสี่ยงมีดังนี้
  • เว้นระยะห่างจากคันข้างหน้า

การขับรถจี้ท้ายคันข้างหน้ามีโอกาสสูงมากที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ เพราะถ้าขับรถจี้คันข้างหน้าเกินความจำเป็นจะทำให้ระยะเบรกรถของเรามีไม่พอและเกิดการปะทะกันขึ้น แล้วเราเองก็ไม่รู้ว่ารถคันข้างหน้าจะเบรกอย่างกะทันหันตอนไหน ซึ่งกฎหมายไม่ได้ระบุว่าต้องเว้นระยะเท่าไหร่ อีกอย่างถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริงๆ รถคันหลังสุดจะเป็นผู้ผิดทันทีเหตุผลคือไม่รู้จักระมัดระวัง ซ้ำยังทำให้เกิดสภาพจราจรที่ติดขัด เพราะถ้าขับรถจี้กันก็ต้องแตะเบรกบ่อยๆ รถคันตามหลังก็ต้องเหยียบเบรกตามๆ กันไป
  • สายตาที่สอดส่อง

ถ้าใช้เวลาช่วงกลางวันเป็นฤกษ์ในการเดินทางก็ไม่น่าห่วงเท่าไหร่นัก อย่างมากก็แดดที่ส่องให้แสบตา หรือโอเอซิสหลอกๆ บนถนนที่เป็นภาพลวงตา แต่ถ้าใช้เวลากลางคืนในการเดินทางเพราะจะหนีร้อน หรือการจราจรที่ติดขัดก็ต้องแลกกับความสามารถในการมองเห็นที่ลดลง
โดยปกติแล้วสายตาของมนุษย์จะมองได้ไกลที่สุดอยู่ที่ 10 เมตร ถ้าเกินนั้นภาพก็จะดูเลือนลาง แต่ถ้าขับรถตอนกลางคืนนอกจากการมองเห็นอย่างไม่ประมาทที่ใช้สายตาให้สอดคล้องกับความเร็วของรถแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องเรียนรู้ไว้คือรถบรรทุก หัดเรียนรู้สัญญาณไฟของรถบรรทุกติดตัวไว้บ้าง เพราะอย่างน้อยก็เป็นสิ่งหนึ่งในความมืดที่มองเห็นได้ดีที่สุด
  • ปรับความเร็ว

จงอย่าลืมว่ารถจะเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง การลดหรือเพิ่มความเร็วตามสถานที่นั้นจะทำให้ความปลอดภัยในเทศกาลสงกรานต์ไม่หนีหายไปไหน การขับผ่านเขตโรงเรียนก็ควรที่จะลดความเร็วลงตามที่ป้ายกำหนดไว้ ไม่ใช่เร่งเครื่องด้วยความใจร้อน ถ้ามีเด็กนักเรียนข้ามถนนจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้หรือขับผ่านสะพานแคบก็ควรจะลดความเร็วของรถลง สะพานค่อนข้างคับแคบ มีพื้นที่น้อย หรือไม่ขับรถช้าเกินไปเมื่ออยู่เลนขวาสุด
  • หลับตอนนี้ฟื้นอีกทีภพหน้า

อีกสิ่งสำคัญคือการพักผ่อนให้เพียงพอก่อนออกเดินทาง ควรนอนพักผ่อนประมาณ 7-8 ชั่วโมง ไม่อย่างนั้นจะเกิดอาการหลับในระหว่างขับรถเอาได้ ซึ่งอาการหลับในเป็นสิ่งที่อันตรายมากๆ หากกำลังขับรถอยู่ ซึ่งการหลับในจะผลอยหลับไปทั้งที่ยังลืมตาอยู่ แต่ว่าตอนนั้นไม่สามารถรับรู้สถานการณ์เบื้องหน้าได้เลย  อาจจะเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที ส่งผลให้ผู้ขับรถไม่สามารถควบคุมรถได้ เพราะว่าไม่รู้สึกตัว ซึ่งก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมาแล้วนักต่อนัก วันสงกรานต์ถือเป็นเจ้าประจำที่หลับในเองก็ชอบเหมือนกัน นอกจากจะทำให้ตัวเองเดือดร้อนแล้ว คนอื่นก็จะเดือดร้อนตามไปด้วย
  • ต้องเชื่อผู้นำ

นอกจากจะเชื่อมั่นในตัวเองแล้ว ผู้นำที่ประจำอยู่ตามถนนทุกเส้นที่เราวิ่งผ่าน ถือเป็นไกด์ในการขับรถเดินทาง หรือผู้ชี้แนะความปลอดภัยในช่วงสงกรานต์ให้ โดยอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการละเลย หรือไม่เชื่อฟังผู้นำของนักขับอย่างป้ายเตือนข้างทาง
โดยผู้นำนักขับ หรือตัวนำนักขับ (Driver Guide) ได้แก่ป้ายเตือน เส้นทึบ หรือเส้นประที่มีตลอดทางของถนน ซึ่งประโยชน์ของป้ายเหล่านี้ก็เพื่อให้นักขับทำตาม เมื่อทำตามโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุก็แทบจะเป็นศูนย์อย่างป้ายเตือนบอกว่าลดความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบนสะพานกลับรถ ถ้าขับเกินที่ป้ายเตือนไว้ภัยมาเยือนแน่ เพราะตัวเลข 30 กิโลเมตรที่กำหนดไว้เป็นฝืมือที่เกิดขึ้นไปคู่ๆ กันระหว่างสร้างสะพาน เป็นหลักการสร้างของวิศวกรรมจราจร คอยกำหนด เตือน และบอกให้ผู้ขับทำตาม แต่หลายคนก็ทำเป็นเมิน ไม่สนใจ ซ้ำยังฝ่าฝืน อุบัติเหตุจึงเกิดขึ้นเอาได้ง่ายๆ
-------------------------------------------------
จำหน่ายพัดลมเพดาน พัดลมยักษ์ พัดลมขนาดใหญ่ พัดลมโรงงานอุตสาหกรรม พัดลม hslv พัดลมประหยัดพลังงาน
Facebook:https://www.facebook.com/Megafan-Thailand-303723370055229/
Website : www.megafanthailand.com
Tel. : 08-6570-8030

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สถานที่ติดตั้งพัดลม HVLS สูงสุด 4 แห่ง

หนึ่งในคุณสมบัติที่ดีที่สุดของพัดลม HVLS คือ ความเก่งกาจ เนื่องจากพัดลมมีหลายรูปทรงและหลายขนาด ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถใช้เป็นประโยชน์ได้ในทุกช่องว่าง แต่ก็มีบางส่วนที่นิยมพัดลม HVLS โดยเฉพาะ ต่อไปนี้เป็น 4 สถานที่ทั่วไปที่ใช้พัดลม HVLS และมีเหตุผลบางประการดังนี้ 1. บาร์และร้านอาหาร อุตสาหกรรมอาหารยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดปี ร้านอาหารผสมผสานกับโรงงานผลิตเบียร์และโรงกลั่น ซึ่งเป็นที่นิยมมากขึ้นกว่าที่เคย หลายร้านอาหารและโรงเบียร์เหล่านี้ครอบครองพื้นที่เปิดโล่งที่มีเพดานสูงทำให้พวกเขายากที่จะได้รับอากาศตามต้องการ ดังนั้น พัดลม HVLS เหมาะสำหรับร้านอาหารและบาร์ เพราะช่วยควบคุมสภาพอากาศและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ 2. เขตขนส่งสาธารณะ เครื่องบิน รถไฟและระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อโครงสร้างพื้นฐานของเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ประเภทนี้มีประชากรมารวมกลุ่มสูง เพื่อเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ หากคุณเคยอยู่บนชานชาลาของระบบรถไฟใต้ดินในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน คุณจะเคยประสบกับสถานการณ์เหล่านี้ พัดลม HVLS เหมาะอย่างยิ่งสำหรับพื้นที่เหล่านี้ เนื่องจากช่วยทำให้มีอากาศถ่า...

พัดลมขนาดใหญ่ 3 ทางช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในงานอุตสาหกรรม

ยิ่งใหญ่เท่าไหร่ก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น สิ่งอำนวยความสะดวกด้านอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เช่นคลังสินค้าและโรงงานมีความท้าทายอย่างมากในการดำเนินงานเนื่องจากขนาดของโรงงาน มีเพดานสูงมากและมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดความร้อนภายในอาคารหรือความร้อนสะสมในพื้นที่เหล่านี้รวมถึงการดูแลระบบอากาศสำหรับผู้อยู่อาศัยหรือผู้ปฏิบัติงานเป็นเรื่องยาก การแก้ปัญหา : พัดลมเพดานขนาดใหญ่ของ Megafan ช่วยให้สภาพอากาศที่ดีขึ้น สะดวกสบายและลดค่าใช้จ่ายสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ 1 พัดลมเพดานขนาดใหญ่สำหรับอุตสาหกรรมถูกสร้างขึ้นสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่ พัดลมเพดานขนาดใหญ่ใช้สำหรับงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ใช่หรือไม่? พัดลมเพดานขนาดใหญ่ถูกออกแบบมาสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่ Megafanได้คิดค้นพัดลมเพดานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในปี พ. ศ. 2541 เพื่อนำเสนอการแก้ปัญหาสภาพอากาศในที่ทำงานให้มีประสิทธิภาพโดยการสร้างกระแสลมจำนวนมาก พัดลมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของ Megafan สร้างอากาศเย็นช่วยควบคุมผลกระทบของความชื้นและยังสามารถสร้างอากาศหมุนเวียนภายในอาคารผลักดันอากาศร้อนออกจากอาคาร และนำเอาอากาศจากภายนอกอาคารเข้ามาภายในอาคาร เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนข...

ออกกำลังกายกลางอากาศร้อนจัด ฟังชัด ๆ อันตรายกว่าที่คิด !

สำหรับหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่รักสุขภาพ การออกกำลังกายภายใต้อุณหภูมิที่ร้อนจัดเป็นเวลานาน ๆ อาจจะทำให้ร่างกายต้องรับศึกหนัก เช่น ระบายความร้อนออกจากร่างกายไม่ทัน การเสียเหงื่อมากเกินไป หัวใจเต้นเร็วขึ้น เส้นเลือดขยายตัวเพื่อรับกับอากาศร้อนจัด ส่งผลต่อการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือดรวมถึงระบบประสาทด้วย           โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาสุขภาพที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะการออกกำลังกายที่หนักเกินไปและไม่ถูกวิธี จะส่งผลเสียมากกว่าผลดีในช่วงอากาศแบบนี้ สำหรับโรคที่แนะนำว่าควรระวังในช่วงอากาศร้อนคือ 1. โรคลมแดดหรือฮีทสโตรก (Heat Stroke) วิธีสังเกตอาการคือ หัวใจเต้นแรงและเร็ว อุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 40 องศา กล้ามเนื้อเกร็ง รูม่านตาขยาย ความรู้สึกตัวลดลง ในบางราย ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจทำให้หัวใจหยุดเต้นและอาจเสียชีวิตได้ 2. ภาวะขาดน้ำ/เพลียแดด ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงคือ ผู้ที่ออกกำลังกายหนักมากและต่อเนื่องเป็นเวลานาน วิธีสังเกตอาการคือ รู้สึกปวดหรือวิงเวียนศีรษะ ความดันต่ำ ปากแห้ง และมีลักษณะคล้ายจะเป็นตะค...