เขย่าขวัญ!! ปี 2100 โลกจะร้อนขึ้น 2 องศา?
ต้องหยุดโลกร้อน เริ่มจากสิ่งใกล้ตัวเรา...
ต้องหยุดโลกร้อน เริ่มจากสิ่งใกล้ตัวเรา...
หลังจากที่เกิดกระแสข่าวเขย่าขวัญประชากรทั่วโลกกับ “โดนัลด์ ทรัมป์”
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) อย่างเป็นทางการ
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. เนื่องจากต้องการเลิกให้สนับสนุนเงินช่วยเปลี่ยนโลกเป็นพลังงานสะอาด
มูลค่านับแสนล้านบาท แม้สหรัฐอเมริกาจะมีส่วนร่วมปล่อยก๊าซเรือนกระจก 15% ก็ตาม ทำให้ทั่วโลกกังวลถึงสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง
หรือภาวะโลกร้อนขึ้น
หากปล่อยปัญหานี้ไป ภายในปี 2100 (พ.ศ. 2643) โลกจะร้อนขึ้น 2 องศาเซลเซียส ทำให้ทะเลและภูมิอากาศจะเปลี่ยนแปลงมหาศาล ฝนแล้ง น้ำท่วม ปะการังฟอกขาว ปลาหายไป ฯลฯ และปัญหาอีกมากมาย และประเทศที่เดือดร้อนที่สุดคือ ประเทศที่พึ่งพิงทรัพยากร ดินฟ้าอากาศเพื่อการเกษตร ทะเลเพื่อการท่องเที่ยว รวมถึงเมืองที่ปกติน้ำก็ท่วมง่ายอยู่แล้ว ก็จะเดือดร้อนหนักขึ้น แต่ประเทศที่ส่งผลดีอย่างเห็นได้ชัด ก็คือ ประเทศที่เป็นหมู่เกาะ เช่น มัลดีฟส์ เพราะอยู่เหนือระดับน้ำทะเลนิดเดียว
หลังจากที่นายทรัมป์ ตัดสินใจขอออกจากข้อตกลงปารีส พร้อมแถลงการด้วยประโยคที่ว่า “I was elected to represent the citizens of Pittsburgh, not Paris” และทิ้งท้ายไว้ว่า อเมริกายังเปิดทาง หากมีการทบทวนข้อตกลงใหม่ และอเมริกาไม่เสียผลประโยชน์ ก็อาจจะตกลงด้วย ทำให้ผู้นำฝั่งยุโรปไม่พอใจ ทั้งฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี ระบุว่า ข้อตกลงปารีสแก้ไขไม่ได้ จากนั้นผู้นำหลายประเทศกล่าวแสดงความไม่พอใจ อาทิ นายทาโร อาโซะ รมว.คลังญี่ปุ่น กล่าวว่า ไม่รู้สึกแค่ผิดหวัง แต่รู้สึกโกรธ, นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ระบุว่า การตัดสินใจของนายทรัมป์ เป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างถึงที่สุด ส่วน นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส กล่าวว่า “ขอบอกกับชาวอเมริกา นักวิทยาศาสตร์ทุกคน วิศวกร นักลงทุน และประชาชนผู้มีความรับผิดชอบ ทุกคนที่เศร้าใจกับการตัดสินใจของนายทรัมป์ ผมอยากบอกว่า พวกคุณจะพบบ้านที่สองในฝรั่งเศส” และกล่าวตบท้ายว่า “Make Our Planet Great Again”
ถึงแม้หลายคนในสหรัฐอเมริกาออกมาต่อต้าน หรือออกมาเรียกร้องถึงความถูกต้องกับสิ่งที่นายทรัมป์ได้กระทำลงไป ผลต่อไปจะเป็นอย่างไรต้องติดตามความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง เพราะผลกระทบนี้ไม่ได้เกิดกับประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นปัญหาของประชากรทั่วโลก ซึ่งเหตุดังกล่าวไม่ใช่ต้องรอถึงปี 2100 แล้วจะร้อนขึ้น แต่มันจะค่อยๆ ร้อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละปี ดังนั้น ประชากรทุกคนต้องร่วมมือกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาโลกร้อน โดยเริ่มจากสิ่งที่ตัวเองสามารถทำได้ก่อน
ไม่ว่าจะเป็น อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยการช่วยปลูกต้นไม้ ไม่ตัดไม้ทำลายป่า เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติทุกชนิดสามารถอยู่บนพื้นแผ่นดินได้ ที่สำคัญธรรมชาติเหล่านี้ช่วยสร้างความสมดุลเรื่องความเย็น และอากาศได้ดี และช่วยระงับก๊าซที่เป็นสาเหตุของภาวะเรือนกระจกได้ดี
ไม่เพียงเท่านี้ ประชากรที่อยู่ตามบ้านเรือน องค์กร บริษัท ตลอดจนอุตสาหกรรมขนาดเล็ก-ขนาดใหญ่ ควรช่วยกันลดทิ้งขยะหรือสารปนเปื้อนลงสู่ธรรมชาติ เพราะปัญหาที่ตามมาหลายคนอาจมองไม่เห็นถึงผลกระทบ แต่มันคือการสะสมปัญหาที่อาจสร้างผลร้ายแรงที่สุด อีกทั้งต้องช่วยกันประหยัดน้ำ ประหยัดไฟ ลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น ไม่เช่นนั้น หากไม่ตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ในอนาคตเชื้อเพลิงก่อพลังงานไฟฟ้าต่างๆ อาจหมดไป
สำหรับใครที่เปิดใช้เครื่องปรับอากาศตลอดทั้งวัน เพื่อลดปัญหาอากาศร้อน และนั่นก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของภาวะโลกร้อนได้ เพราะหากใช้เครื่องปรับอากาศเป็นเวลานาน เปลืองทั้งพลังงานไฟฟ้า เปลืองเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า ตลอดจนทำให้ระบบการทำงานของเครื่องปรับอากาศเสียหาย และเสียเงินซ่อมบำรุงอีกดังนั้น ตัวช่วยสำคัญคือ ควรเปิดพัดลมช่วยสร้างความสมดุลของอากาศภายในสถานที่ให้เย็นขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะการเปิดพัดลมควบคู่กับเครื่องปรับอากาศ ทำให้ภายในห้องเย็นเร็ว ลดการทำงานของระบบภายในเครื่องปรับอากาศ ส่งผลให้ เครื่องปรับอากาศกินไฟน้อยลงด้วย
ที่สำคัญแนะนำให้เลือกใช้พัดลมที่ประหยัดพลังงานไฟฟ้า ไม่สร้างปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม อย่างพัดลมยักษ์ MEGAFAN ผลิตโดยคนไทยที่ตระหนักถึงปัญหาโลกร้อนอย่างจริงจัง สร้างพัดลมเพื่อเข้ามาแทนที่เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินพลังงานไฟฟ้าเยอะ เหมาะแก่โรงงานอุตสาหกรรม โรงอาหาร ห้องสมุด โรงยิม โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า และสถานที่ขนาดกว้าง เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ และได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง
นอกจากนี้ พัดลมยักษ์ MEGAFAN ช่วยสร้างกระแสลมได้กว้างถึง 1 ไร่ มีขนาดให้เลือกหลายแบบ ทำให้กระแสลมคงที่ เกิดความสมดุล ไม่ก่อให้เกิดอากาศอับจุดใดจุดหนึ่ง เนื่องจากกระสมเข้าถึงได้ทุกพื้นที่ ทั้งยังตอบโจทย์การประหยัดพลังงานที่แท้จริง เนื่องจากพัดลมยักษ์ MEGAFAN กินไฟฟ้าน้อย จนทำให้ผู้ใช้ทุกคนมีเงินเหลือเก็บมากขึ้น
โทร : 08-6570-8030
เรียบเรียงโดย : Megafan Thailand
ขอบคุณแหล่งข่าว : http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9600000056543
หากปล่อยปัญหานี้ไป ภายในปี 2100 (พ.ศ. 2643) โลกจะร้อนขึ้น 2 องศาเซลเซียส ทำให้ทะเลและภูมิอากาศจะเปลี่ยนแปลงมหาศาล ฝนแล้ง น้ำท่วม ปะการังฟอกขาว ปลาหายไป ฯลฯ และปัญหาอีกมากมาย และประเทศที่เดือดร้อนที่สุดคือ ประเทศที่พึ่งพิงทรัพยากร ดินฟ้าอากาศเพื่อการเกษตร ทะเลเพื่อการท่องเที่ยว รวมถึงเมืองที่ปกติน้ำก็ท่วมง่ายอยู่แล้ว ก็จะเดือดร้อนหนักขึ้น แต่ประเทศที่ส่งผลดีอย่างเห็นได้ชัด ก็คือ ประเทศที่เป็นหมู่เกาะ เช่น มัลดีฟส์ เพราะอยู่เหนือระดับน้ำทะเลนิดเดียว
หลังจากที่นายทรัมป์ ตัดสินใจขอออกจากข้อตกลงปารีส พร้อมแถลงการด้วยประโยคที่ว่า “I was elected to represent the citizens of Pittsburgh, not Paris” และทิ้งท้ายไว้ว่า อเมริกายังเปิดทาง หากมีการทบทวนข้อตกลงใหม่ และอเมริกาไม่เสียผลประโยชน์ ก็อาจจะตกลงด้วย ทำให้ผู้นำฝั่งยุโรปไม่พอใจ ทั้งฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี ระบุว่า ข้อตกลงปารีสแก้ไขไม่ได้ จากนั้นผู้นำหลายประเทศกล่าวแสดงความไม่พอใจ อาทิ นายทาโร อาโซะ รมว.คลังญี่ปุ่น กล่าวว่า ไม่รู้สึกแค่ผิดหวัง แต่รู้สึกโกรธ, นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ระบุว่า การตัดสินใจของนายทรัมป์ เป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างถึงที่สุด ส่วน นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส กล่าวว่า “ขอบอกกับชาวอเมริกา นักวิทยาศาสตร์ทุกคน วิศวกร นักลงทุน และประชาชนผู้มีความรับผิดชอบ ทุกคนที่เศร้าใจกับการตัดสินใจของนายทรัมป์ ผมอยากบอกว่า พวกคุณจะพบบ้านที่สองในฝรั่งเศส” และกล่าวตบท้ายว่า “Make Our Planet Great Again”
ถึงแม้หลายคนในสหรัฐอเมริกาออกมาต่อต้าน หรือออกมาเรียกร้องถึงความถูกต้องกับสิ่งที่นายทรัมป์ได้กระทำลงไป ผลต่อไปจะเป็นอย่างไรต้องติดตามความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง เพราะผลกระทบนี้ไม่ได้เกิดกับประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นปัญหาของประชากรทั่วโลก ซึ่งเหตุดังกล่าวไม่ใช่ต้องรอถึงปี 2100 แล้วจะร้อนขึ้น แต่มันจะค่อยๆ ร้อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละปี ดังนั้น ประชากรทุกคนต้องร่วมมือกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาโลกร้อน โดยเริ่มจากสิ่งที่ตัวเองสามารถทำได้ก่อน
ไม่ว่าจะเป็น อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยการช่วยปลูกต้นไม้ ไม่ตัดไม้ทำลายป่า เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติทุกชนิดสามารถอยู่บนพื้นแผ่นดินได้ ที่สำคัญธรรมชาติเหล่านี้ช่วยสร้างความสมดุลเรื่องความเย็น และอากาศได้ดี และช่วยระงับก๊าซที่เป็นสาเหตุของภาวะเรือนกระจกได้ดี
ไม่เพียงเท่านี้ ประชากรที่อยู่ตามบ้านเรือน องค์กร บริษัท ตลอดจนอุตสาหกรรมขนาดเล็ก-ขนาดใหญ่ ควรช่วยกันลดทิ้งขยะหรือสารปนเปื้อนลงสู่ธรรมชาติ เพราะปัญหาที่ตามมาหลายคนอาจมองไม่เห็นถึงผลกระทบ แต่มันคือการสะสมปัญหาที่อาจสร้างผลร้ายแรงที่สุด อีกทั้งต้องช่วยกันประหยัดน้ำ ประหยัดไฟ ลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น ไม่เช่นนั้น หากไม่ตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ในอนาคตเชื้อเพลิงก่อพลังงานไฟฟ้าต่างๆ อาจหมดไป
สำหรับใครที่เปิดใช้เครื่องปรับอากาศตลอดทั้งวัน เพื่อลดปัญหาอากาศร้อน และนั่นก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของภาวะโลกร้อนได้ เพราะหากใช้เครื่องปรับอากาศเป็นเวลานาน เปลืองทั้งพลังงานไฟฟ้า เปลืองเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า ตลอดจนทำให้ระบบการทำงานของเครื่องปรับอากาศเสียหาย และเสียเงินซ่อมบำรุงอีกดังนั้น ตัวช่วยสำคัญคือ ควรเปิดพัดลมช่วยสร้างความสมดุลของอากาศภายในสถานที่ให้เย็นขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะการเปิดพัดลมควบคู่กับเครื่องปรับอากาศ ทำให้ภายในห้องเย็นเร็ว ลดการทำงานของระบบภายในเครื่องปรับอากาศ ส่งผลให้ เครื่องปรับอากาศกินไฟน้อยลงด้วย
ที่สำคัญแนะนำให้เลือกใช้พัดลมที่ประหยัดพลังงานไฟฟ้า ไม่สร้างปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม อย่างพัดลมยักษ์ MEGAFAN ผลิตโดยคนไทยที่ตระหนักถึงปัญหาโลกร้อนอย่างจริงจัง สร้างพัดลมเพื่อเข้ามาแทนที่เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินพลังงานไฟฟ้าเยอะ เหมาะแก่โรงงานอุตสาหกรรม โรงอาหาร ห้องสมุด โรงยิม โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า และสถานที่ขนาดกว้าง เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ และได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง
นอกจากนี้ พัดลมยักษ์ MEGAFAN ช่วยสร้างกระแสลมได้กว้างถึง 1 ไร่ มีขนาดให้เลือกหลายแบบ ทำให้กระแสลมคงที่ เกิดความสมดุล ไม่ก่อให้เกิดอากาศอับจุดใดจุดหนึ่ง เนื่องจากกระสมเข้าถึงได้ทุกพื้นที่ ทั้งยังตอบโจทย์การประหยัดพลังงานที่แท้จริง เนื่องจากพัดลมยักษ์ MEGAFAN กินไฟฟ้าน้อย จนทำให้ผู้ใช้ทุกคนมีเงินเหลือเก็บมากขึ้น
โทร : 08-6570-8030
เรียบเรียงโดย : Megafan Thailand
ขอบคุณแหล่งข่าว : http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9600000056543
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น